ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงและถี่ขึ้น โดยเฉพาะอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยคือรถยนต์จมน้ำ ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งทางด้านการเงินและการใช้งานให้กับเจ้าของรถ บทความนี้จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าของรถที่ประสบปัญหารถยนต์จมน้ำจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ลดความเสียหาย และเรียกร้องสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ
ขั้นตอนการดูแลรถหลังน้ำท่วม
ไม่ควรสตาร์ตรถ หากรถจมน้ำ ห้ามพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์เด็ดขาด เพราะน้ำอาจเข้าไปในกระบอกสูบและระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
ถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออกทันทีเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจร
ตรวจสอบระดับน้ำ ประเมินว่าระดับน้ำท่วมถึงส่วนไหนของรถ หากน้ำท่วมสูงถึงเครื่องยนต์ ควรนำรถไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมที่มีประสบการณ์ในการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วม
บันทึกความเสียหาย ถ่ายภาพและบันทึกความเสียหายเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเคลมประกัน
เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำหล่อเย็นทั้งหมดควรถูกเปลี่ยนถ่าย เนื่องจากอาจมีน้ำปนเปื้อนอยู่
ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงแบตเตอรี่ สายไฟ และฟิวส์ เพื่อดูว่ามีความเสียหายหรือไม่
ทำความสะอาดภายใน ถอดเบาะ พรม และส่วนประกอบภายในที่เปียกน้ำออกมา ทำความสะอาดและตากให้แห้งเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็น
เปิดประตูและระบายอากาศ เปิดประตูรถทั้งหมดเพื่อไล่ความชื้นออกจากภายใน
การเคลมประกัน
ตรวจสอบประเภทประกัน หากมีประกันรถยนต์ชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองในกรณีน้ำท่วม แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ว่าให้ความคุ้มครองในกรณีนี้หรือไม่
ดำเนินการเคลม ติดต่อบริษัทประกันทันทีหลังจากน้ำลด โดยเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนรถ และสำเนากรมธรรม์ เพื่อดำเนินการเคลม
พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน
เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่!
บทความนี้เรียบเรียงโดย Perplexity AI และ Claude โดยอ้างอิงข้อมูลจาก