การเลือกฟิล์มติดกระจกสำหรับรถยนต์หรือบ้านอาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงฟิล์มแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในด้านการกันรังสียูวี ลดความร้อน เพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือแม้แต่เสริมความปลอดภัย การรู้จักจุดเด่นและข้อควรระวังของฟิล์มแต่ละชนิดจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกฟิล์มที่เหมาะสมกับความต้องการได้มากขึ้น และช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ประเภทของฟิล์มติดรถยนต์
ฟิล์มย้อมสี (Dyed Window Tint) ฟิล์มประเภทนี้มีการย้อมสีเพื่อให้ได้ความเข้มตามต้องการ มักจะมีราคาถูกและช่วยลดแสงแดด แต่ไม่สามารถป้องกันความร้อนหรือรังสี UV ได้มากนัก
ฟิล์มโลหะ (Metalized Window Tint) ฟิล์มนี้มีการเคลือบโลหะเพื่อช่วยสะท้อนแสงและรังสี UV ทำให้สามารถลดความร้อนได้ดีขึ้น แต่มีข้อเสียคืออาจทำให้สัญญาณโทรศัพท์มือถืออ่อนลง
ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Window Tint) ฟิล์มประเภทนี้มีการใช้คาร์บอนในการผลิต ซึ่งช่วยลดความร้อนและรังสี UV ได้ดีโดยไม่ทำให้ทัศนวิสัยลดลง นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อการขีดข่วน
ฟิล์มเซรามิค (Ceramic Window Tint) ฟิล์มเซรามิคมีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และไม่ทำให้ทัศนวิสัยลดลง มีอายุการใช้งานยาวนาน
ฟิล์มชาโคล (Charcoal Window Tint) ฟิล์มนี้มีสีเข้มและช่วยลดความร้อนรวมถึงรังสี UV ได้ดี โดยมักจะใช้ในรถยนต์เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว
ฟิล์มนิรภัย (Safety Window Film) ฟิล์มประเภทนี้มีความหนาและแข็งแรง ช่วยป้องกันกระจกแตกและยึดเกาะชิ้นส่วนกระจกไม่ให้กระจายออกมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ความเข้มของฟิล์ม
ซึ่งมีการแบ่งออกเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 40%, 60%, และ 80% โดยเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นจะหมายถึงการกันแสงแดดได้มากขึ้น แต่ก็จะทำให้ทึบมากขึ้นตามไปด้วย
ฟิล์ม 40% ให้แสงส่องผ่านได้ประมาณ 35% ขึ้นไป
ฟิล์ม 60% ให้แสงส่องผ่านได้ประมาณ 20%
ฟิล์ม 80% ให้แสงส่องผ่านได้ประมาณ 5%
อย่างไรก็ตาม ค่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อการลดความร้อนจากแสงแดดแบบมีนัยยะสำคัญ อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ และในประเทศไทย กฎหมายอนุญาตให้ติดฟิล์มกระจกบังหน้าที่มีความเข้มไม่เกิน 40% และไม่เกิน 60% สำหรับกระจกบานอื่น
การพิจารณาการใช้งาน
การเลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในประเทศไทยนั้น ควรพิจารณาจากความทนทานและราคา โดยสามารถจัดเรียงลำดับจากความเหมาะสมมากไปน้อยได้ดังนี้
ฟิล์มเซรามิค (Ceramic Window Tint)
ความทนทาน: สูงมาก สามารถป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดี โดยไม่ทำให้ทัศนวิสัยลดลง
ราคา: ปานกลางถึงสูง แต่คุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการการป้องกันที่ดีที่สุดในสภาพอากาศร้อนของไทย
ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Window Tint)
ความทนทาน: สูง มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนและรังสี UV ได้ดี
ราคา: ปานกลาง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการฟิล์มที่มีความทนทานและไม่ซีดจางง่าย
ฟิล์มชาโคล (Charcoal Window Tint)
ความทนทาน: ดี สามารถลดความร้อนและรังสี UV ได้ดี มีความเข้มที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว
ราคา: ปานกลาง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการฟิล์มที่มีราคาที่ไม่สูงมากและมีคุณสมบัติในการกรองแสง
ฟิล์มโลหะ (Metalized Window Tint)
ความทนทาน: ดี สามารถสะท้อนความร้อนและรังสี UV ได้ดี แต่มีข้อเสียคืออาจทำให้สัญญาณโทรศัพท์อ่อนลง
ราคา: ปานกลาง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลดความร้อนในรถยนต์โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสัญญาณ
ฟิล์มนิรภัย (Safety Window Film)
ความทนทาน: สูง สามารถป้องกันการแตกของกระจกและเพิ่มความปลอดภัย
ราคา: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับความหนา
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยเพิ่มเติมจากการโจรกรรมและอุบัติเหตุ
ฟิล์มย้อมสี (Dyed Window Tint)
ความทนทาน: ต่ำกว่าฟิล์มประเภทอื่น ไม่สามารถป้องกันความร้อนหรือรังสี UV ได้ดี
ราคา: ต่ำ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการลดแสงแดดในระดับเบื้องต้น
การเลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่เหมาะสมควรพิจารณาความต้องการในการใช้งาน เช่น การป้องกันความร้อน ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย เพื่อให้ได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับการใช้งานในประเทศไทย
พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน
เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่!
บทความนี้เรียบเรียงโดย Perplexity AI และ ChatGPT โดยอ้างอิงข้อมูลจาก