เพื่อน ๆ ผู้ขับขี่หลาย ๆ คนเวลาติดรถยนต์เดินทางไปที่ไหนไกลบางครั้งมักจะตกใจกับหน้าปัดระดับน้ำมันอันน้อยนิดเสมอและจะได้คำตอบของเจ้าของรถตลอดว่า "เรารู้รถยนต์คันนี้ดี" เสมือนเพื่อนสนิทที่ฝ่าฟันอุปสรรคกันมาแค่มองตาก็รู้ใจซะอย่างนั้น หรือความเคยชินของการเดินทางระยะทางเดิม ๆ ไม่อยากเติมน้ำมันเยอะเพราะเปลืองเงิน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำมาสู่การซ่อมแซมรถยนต์ เพราะการขับขี่รถยนต์สันดาปเป็นเรื่องปกติที่ต้องคอยดูแลและตรวจสอบของเหลวที่ไหลเวียนภายในเครื่องยนต์ โดยในครั้งนี้จะเป็นเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ที่หากหมดจนแห้งอาจเกิดความเสียหายได้มากกว่าที่คิด
รู้ใจรถยนต์จากคู่มือการใช้งาน
ในรถยนต์หลาย ๆ รุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป ภายในคู่มือนอกจากจะบอกชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้งานได้กับรถยนต์คันนั้น ๆ ยังบอกขอกำชับในการใช้งานรถยนต์ไม่ให้ระดับน้ำมันต่ำกว่าที่กำหนด เช่น บางรุ่นกำหนดไว้ห้ามต่ำกว่า 2 ขีดแดงในหน้าปัด ซึ่งเป็นการรักษาอะไหล่ต่าง ๆ ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
ไฟสัญญาณเตือนขึ้นขับต่อได้ แต่ไว้ตอนฉุกเฉินจริง ๆ ดีกว่า
โดยเฉลี่ยแล้วสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ (โปรดดูข้อมูลจำเพาะของรถแต่ละคันเพื่อดูข้อมูลที่ถูกต้อง) เมื่อไฟเตือนสีเหลืองเริ่มกระพริบโดยทั่วไปคุณสามารถขับต่อไปอีก 40-50 กิโลเมตรก่อนที่ถังน้ำมันจะหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือระยะทางอาจแตกต่างกันเนื่องจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการจราจรติดขัด สภาพอากาศที่ฝนตก ถนนที่มีน้ำท่วม ทางโค้งบ่อยบนเส้นทาง ความจำเป็นในการเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้ความเร็วในการขับขี่ช้าลง
หากรถน้ำมันหมดกลางทาง เมื่อเติมน้ำมันใหม่อย่าลืมไล่ลมในระบบ
กรณีที่ขับขีรถยนต์จนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดถัง หากทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้น้ำมันมาแล้ว แต่กลับพบว่า พอเติมน้ำมันไปแล้วรถยนต์กลับสตาร์ทไม่ติด ปัญหานี้อาจเกิดจากลมที่ค้างอยู่ในท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงหรือในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เปิดกระโปรงรถยนต์แล้วดูตรง ปั๊มแรงดันต่ำ หรือปั๊มมือ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ทางด้านขวามือถัดจากหม้อแบตเตอรี่ เราจะเห็นตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิง หน้าตาคล้าย ๆ กับกระปุกขนาดเท่ากระบอกน้ำมีจุกสีดำ ให้ใช้มือกดที่หัวปั๊มหลาย ๆ ครั้ง จนรู้สึกว่ามีแรงต้านดันขึ้นมาจากด้านใน หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทรถยนต์อีกครั้ง หากเครื่องยนต์ยังไม่ติดให้ลองทำซ้ำต่อเนื่องอีก 2-3 ครั้ง เพื่อไล่อากาศที่ยังคงค้างอยู่ในตัวถังน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ควรเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
รถยนต์มีอาการเหล่านี้ให้รีบเข้าศูนย์บริการ
การขับขี่จนน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้หมดหรือหมดถังแบบนี้บ่อย ๆ จะทำให้ "ปั้มติ๊ก" ที่มีหน้าที่ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังเข้าสู่เครื่องยนต์ทำงานหนักมากเกินไปเนื่องจากไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงดูดซับความร้อนจากตัวปั๊ม หรือตะกอนภายในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน ก็มีโอกาสทำให้ปั๊มติ๊กไหม้และพังเสียหายได้ หากเกิดอาการสตาร์ตไม่ค่อยติด ติดๆ ดับๆ กระตุก ไม่ต่อเนื่อง อาจเป็นไปได้ว่า “ปั๊มติ๊ก” กำลังเสื่อมสภาพ
หมั่นรักษาระดับน้ำมันในถังง่ายกว่าส่งรถยนต์เข้าศูนย์ซ่อม
การเติมน้ำมันเกือบเต็มถังไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานรถยนต์มากนักตามความเชื่อในยุคก่อน ๆ เพราะหากคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมตามความจุของถัง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอาจเทียบเท่ากับผู้โดยสารผู้ใหญ่เพียง 1 คน หรือเด็ก ๆ เพียง 2 คนเท่านั้น ไม่ได้ทำให้การขับขี่สิ้นเปลืองมากกว่าเดิมจนรู้สึกได้ขนาดนั้น ปัจจัยสำคัญจึงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และน้ำหนักการบรรทุกสิ่งของ ดังนั้นการเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสม่ำเสมอ และวางแผนการเดินทางนั้นง่ายกว่าการที่ต้องมาลุ้นว่ารถยนต์จะดับเมื่อไหร่จากการขับขี่ขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงจะหมดถัง ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นแลกกับความสะดวกเพียงเล็กน้อยนั้นไม่คุ้มค่าเลย เมื่อน้ำมันรถเหลือเพียง 1 ใน 4 ของถัง ควรมองหาปั๊มพุ่งเข้าไปเติมให้สบายใจเราอีกทั้งปลอดภัยกับเครื่องยนต์ด้วย
พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน
เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่!