พบ 138 รายการสำหรับ ""
- ซื้อรถใหม่ ต้องมี CHECK LIST อะไรบ้างที่คุณจะต้องทำ
ซื้อรถใหม่ ต้องไม่ลืมตอบคำถามของตัวเองเกี่ยวกับรถคันที่กำลังสนใจซื้อตามเช็คลิสต์ดูว่าทำแล้วหรือยัง ซึ่งคำถามที่สำคัญจะมีดังต่อไปนี้ 1. เช็คลิสต์งบประมาณในการซื้อรถอยู่ที่เท่าไร สำคัญที่สุดใน การซื้อรถใหม่ นั่นก็คือเรื่องของงบประมาณในการซื้อ ถ้าคุณตอบได้ในข้อนี้ ตัวเลือกรถที่ชัดเจนขึ้นก็จะมากกว่าเดิม หาได้แค่ว่าฉันชอบรถรุ่นนั้น คันนี้สวยดี หรือกำลังจัดโปรเร้ากระชากใจดาวน์ 0% ผ่อนถูกสบาย ๆ แบบนั้นไม่ได้ เพราะคุณจะต้องรู้งบประมาณในการซื้อรถของคุณก่อนว่าอยู่ที่เท่าไร (หรือพอใจที่จะเป็นหนี้แค่ไหน) ในกรณีที่ซื้อผ่านไฟแนนซ์ 2. เช็คลิสต์ว่ารถประเภทไหนที่คุณต้องการ “จริง ๆ” ต่อไปที่ต้องเช็คลิสต์กันก็คือเรื่องของประเภทรถ และคำถามที่คุณต้องตอบให้นั้นก็คือ คุณจะซื้อรถไปทำอะไรเป็นหลัก เน้นโดยสารคนหรือบรรทุกของใช้ประกอบอาชีพ เป็นรถสำหรับครอบครัวโดยสารหลายคนหรือเน้นขับไปทำงานใช้ 1-2 คนเป็นประจำมากกว่า ถ้าตรงนี้ชัด รถที่ใช่สำหรับคุณก็จะชัดเจนมากขึ้นตามว่าเป็นรุ่นไหน 3. เช็คลิสต์ศูนย์บริการใกล้บ้านว่ามีมั้ยด้วย ข้อนี้คงต้องโฟกัสไปที่เรื่องของแบรนด์รถหรือยี่ห้อ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่บางทีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถคือการเลี้ยวเข้าศูนย์บริการเป็นหลัก ดังนั้นเรื่องศูนย์บริการเพื่อการตรวจเช็คสภาพหรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถจึงมีความสำคัญด้วยไม่น้อย เพราะบางทีคุณอาจได้รถที่ใช่ตรงใจออกมาแล้ว แต่ติดที่แบรนด์รถนั้น ๆ มีศูนย์บริการอยู่ไกลบ้านเกินไปก็อาจทำให้ต้องเปลี่ยนใจไปเป็นรถตัวเลือกที่ 2-3 ได้ด้วยเหมือนกัน 4. เช็คลิสต์ “ฟีล” การใช้งานจริงเมื่อทดลองขับ สิ่งที่ถูกจริตคุณมากที่สุดจะต้องเป็นการ “ทดลองขับ” ทดลองการใช้งานเหมือนใช้รถจริง การขับขี่เป็นอย่างไรเมื่อนำรถไปใช้จริง อัตราเร่งโอเคมั้ย ห้องโดยสารกว้างพอสำหรับคุณหรือเปล่า การทดลองขับนี้จะช่วยตอบทุกคำถามให้คุณได้หมดในนี้ 5. เช็คลิสต์เงินดาวน์ที่มีและยอดค่างวดที่ไหวไม่หนักเกินกำลัง ซื้อรถป้ายแดงถ้าไม่มีโปรเร้าใจอะไรให้ตื่นตา อย่างดาวน์ 0% ก็จะต้องมีเรื่องเงินดาวน์เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งคุณต้องมีเตรียมไว้ 15%-30% หรือมากกว่านั้นของราคารถ คุณมีอยู่เท่าไร เตรียมไว้แค่ไหน อย่าลืมว่า! ยิ่งดาวน์มากค่างวดผ่อนก็จะยิ่งถูกลง ระยะเวลาในการผ่อนก็สั้นลง เช่นเดียวกันกับยอดค่างวดที่ผ่อนไหวคุณก็ต้องรู้ประมาณตัวเองได้ด้วยว่าต้องไม่หนักจนเกินไป 6. Check List เอกสารในซื้อรถ มีอะไรบ้างที่คุณต้องเตรียม เอกสารซื้อรถที่คุณจะต้องใช้เมื่อซื้อรถป้ายแดง (ส่วนใหญ่) มีอะไรบ้างไปดูกันเลย *เอกสารจะแตกต่างกันไปในแต่ละอาชีพ* สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน หรือสลิปเงินเดือน สเตทเมนต์เงินเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน 7. Check List เตรียมค่าประกันภัยรถยนต์เอาไว้ด้วย ซื้อรถป้ายแดง รถยนต์ จากศูนย์ใหม่ ๆ เขาจะบังคับให้ทำประกันกับทางศูนย์ซึ่งคุณอาจเลือกประกันรถยนต์ไม่ได้ในปีแรก และในส่วนนี้คุณจำเป็นจะต้องมีเตรียมไว้ด้วยในกระเป๋า ราคาของประกันก็จะอยู่ประมาณ 10,000-30,000 บาทต่อปีโดยเฉลี่ย คุณต้องมีเตรียมไว้ในกระเป๋าด้วยเพิ่มเติมจากเงินดาวน์ ซื้อรถใหม่ ป้ายแดง “ให้คุ้มกว่า” ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำ Check List ตามที่เรานำมาฝากนี้ คุณก็จะได้รถที่ตอบโจทย์ตรงใจมากกว่าแค่รถใหม่ธรรมดาคันหนึ่งแล้ว ก่อนเลือกซื้อรถ ลองนำไปใช้กันดูกับสิ่งที่ต้องทำ รับประกันว่ารถคันใหม่ที่คุณขับนี้จะคุ้มค่า ไม่มีคำว่า “คิดผิด” เข้ามารบกวนใจอย่างแน่นอน พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่!
- พระหน้ารถ เลือกอย่างไร? ตั้งตรงไหน? ให้ปลอดภัยต่อการขับขี่และเสริมสิริมงคล
การตั้งพระหน้ารถหลายคนเชื่อว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตามความเชื่อของคนไทย เจ้าของรถหรือคนขับรถส่วนใหญ่มักมีพระตั้งหน้ารถหรือเครื่องรางของขลังตามที่ตัวเองศรัทธาไว้ในรถตามจุดต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลและความสบายใจตลอดการเดินทาง เสมือนมีพระคอยคุ้มครองให้ปลอดภัยยามขับขี่ และทราบไหมว่าการวางที่ถูกต้องควรวางอย่างไร ที่ได้ทั้งความปลอดภัยและความสบายใจ วันนี้มาดูกัน แนะนำพระตั้งหน้ารถที่ผู้ขับขี่นิยม หลวงปู่ทวด: พระที่มีชื่อเสียงด้านความแคล้วคลาดปลอดภัย แก่ผู้ที่บูชากราบไหว้ จึงค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่พระตั้งหน้ารถ หลวงพ่อคูณ: อีกหนึ่งองค์ที่มีชื่อเสียงด้านความแคล้วคลาดปลอดภัย ที่ถูกบูชามาเป็นพระตั้งหน้ารถ หรือแม้แต่ของมงคลติดรถในรูปแบบเหรียญพระก็มีเช่นกัน หลวงพ่อโสธร: มีชื่อเสียงในด้านการคุ้มครอง ให้ปลอดภัยในทุกสถานการณ์แก่ผู้บูชา ที่ผู้คนนิยมกราบไหว้ให้เป็นพระตั้งหน้ารถไม่แพ้องค์อื่นเลย หลวงพ่อสด: อีกชื่อคือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่เชื่อกันว่าหากบูชาท่านจะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ลาภไม่ขาดมือ อยู่ที่ไหนก็แคล้วคลาด ด้วยความเชื่อที่คุ้มครองขนาดนี้จึงกลายเป็นพระตั้งหน้ารถอีกองค์ที่น่าสนใจ แม่ย่านาง: เทวดาผู้ปกปักรักษายานพาหนะของคนไทย ช่วยดูแลการขับขี่ให้ปลอดภัย ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในรถอันดับต้น ๆ ที่คนใช้รถนึกถึง ท้าวเวสสุวรรณ: โดดเด่นในเรื่องการป้องกันภูตผี ปีศาจที่ชั่วร้าย หรือสิ่งที่หวังร้ายต่อตัวเองและครอบครัว จึงถูกนำมาดัดแปลงเป็นทั้งพระตั้งหน้ารถ, ของมงคลห้อยหน้ารถ หรือแม้แต่ผ้ายันต์ก็มี แนะนำพระประจำวันเกิด การเลือกพระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด อาจไม่ได้มีโอกาสเลือกได้ตรงกับพระหน้ารถที่มีให้เช่ามากเท่าไหร่นัก แต่เผื่อเอาไว้ว่าคนใช้รถยนต์พอจะได้เลือกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในรถที่หลากหลายกว่าคนทั่วไป ก็สามารถอ้างอิงได้จากลิสต์ต่อไป พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันอาทิตย์ คือ ปางถวายเนตร พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันจันทร์ คือ ปางห้ามญาติ พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันอังคาร คือ ปางไสยาสน์ พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันพุธ(กลางวัน) คือ ปางอุ้มบาตร พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันพุธ(กลางคืน) คือ ปางป่าเลไลยก์ พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันพฤหัสบดี คือ ปางสมาธิ พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันศุกร์ คือ ปางรำพึง พระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด วันเสาร์ คือ ปางนาคปรก เลือกพระตั้งหน้ารถควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ก่อน เลือกขนาดให้เหมาะสม : เพราะการมีพระตั้งหน้ารถ หรือของมงคลติดรถอื่น ๆ ที่จะอยู่ในบริเวณเดียวกัน ไม่ควรมีขนาดใหญ่จนบดบังวิสัยทัศน์การขับขี่ จัดวางในตำแหน่งที่ปลอดภัย : โดยเฉพาะการจัดตำแหน่งพระตั้งหน้ารถให้ไม่อยู่ในจุดเดียวกับถุงลมนิรภัย ไม่ควรมีจำนวนมากเกินไป : เพราะจะทำให้รถดูคับแคบ รวมถึงเสี่ยงอุบัติเหตุถูกโจรกรรมหากพระตั้งหน้ารถของเรามีมูลค่าสูง หาตัวช่วยยึดเกาะ : เพื่อให้พระตั้งหน้ารถของเราวางอยู่กับที่ ไม่หล่นหรือเอียงไม่ตามรถ แล้วตั้งพระตรงไหนของหน้ารถดีถึงจะปลอดภัย การวางพระไม่ควรตั้งให้บังทัศนวิสัยของคนขับ หลาย ๆ คนชอบตั้งพระเอาไว้ที่ Air Bag เพราะเป็นพื้นที่ที่โล่ง จึงคิดว่าที่นี่แหละเหมาะ ที่จะวางพระเอาไว้ จากนั้นก็แปะสติกเกอร์หรือติดกาวเรียบร้อย แต่รู้หรือเปล่าว่าแบบนี้เสี่ยงอันตรายมาก เพราะถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา แล้วถุงลมทำงาน ก็จะผลักวัตถุมงคลที่ตั้งอยู่กระแทกเข้าตัวทันที ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ นอกจากจุด Air Bag แล้ว บริเวณส่วนหน้าอื่น ๆ ก็หลีกเลี่ยงการตั้งพระหรือวางสิ่งของวัตถุมงคลไว้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นตรงคอนโซลหน้า เหนือกระจกมองหลัง หรือแม้กระทั่งหน้าพวงมาลัยทุกจุดล้วนมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ผู้ขับขี่บางคนต้องการแขวนพระห้อยไว้ที่กระจกมองหลัง ให้เลือกสายที่ไม่ยาวมาก เพื่อให้พระไม่บังกระจก และอย่าลืมเลือกพระที่ไม่มีมุมแหลมคม ป้องกันเวลาเกิดอาการแกว่งเวลารถเลี้ยวหรือตกหลุม ควรใช้สายที่ยาวในระดับที่แขวนได้พอดี เพราะการใช้สายห้อยที่ยาวเกินไปจะทำให้เราต้องมาม้วนเก็บสาย สร้างความพะรุงพะรัง ตั้งพระทิศทางไหน? ดีล่ะ ถึงจะเสริมความเป็นสิริมงคล ตั้งพระหน้ารถหันหน้าออก: เพื่อให้องค์พระหน้ารถท่านได้มองเห็นถนนหนทาง เหมือนกับที่ผู้ขับขี่ได้เห็น จะได้ช่วยปกป้อง คุ้มครองจากภัยอันตรายต่างที่จะเข้ามา ตั้งพระหน้ารถหันหน้าเข้าหา: เพื่อเตือนให้เรามีสติในการขับขี่ เปรียบเสมือนว่าพระตั้งหน้ารถท่านคือเครื่องเตือนใจของเรา นอกเหนือจากนี้ยังมีเสริมอีกนิดหน่อย กับการตั้งพระหน้ารถเข้าหาเรา เพราะบางคนเชื่อว่าการไหว้พระหน้ารถต่อเบื้องหน้า ถือเป็นสิ่งที่ดี และควรทำมากที่สุดนั่นเอง แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคนว่าต้องการวางตำแหน่งพระตั้งหน้ารถไว้อย่างไร ลองตัดสินใจเอาได้เลย อันที่จริงเรื่องเรานี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนที่มีพระไว้บูชาไว้ที่หน้ารถเยอะ ๆ อาจไม่ได้มองว่าจะช่วยส่งเสริมความปลอดภัยให้มากขึ้นเช่นนั้นหรอก อาจมองเป็นของสะสมและความชอบส่วนตัว แม้จะติดกาวหนาแน่นหรือยึดฐานเอาไว้อย่างมั่นคง แต่ก็เสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายหรืออันตรายที่มากขึ้นในกรณีที่จะเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ถ้าเกิดว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน รถประสบอุบัติเหตุ สิ่งของมงคลเหล่านี้ที่หมายมั่นเอาไว้ว่าจะเป็นสิ่งเสริมมงคล อาจกลับมาทิ่มแทงทำร้ายได้รอบด้าน การมีพระตั้งหน้ารถช่วยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกขณะขับรถได้เป็นอย่างดี เพราะการมีพระไว้ในรถทำให้คุณสามารถกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ตลอด ฝึกทำสมาธิและเจริญสติปัญญาก่อนการขับขี่ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในรถให้รู้สึกสงบสุข ช่วยกระตุ้นให้คุณไม่ใช้อารมณ์ในการขับขี่ ช่วยลดความเครียดและพฤติกรรมก้าวร้าวบนท้องถนนได้ จึงส่งผลดีทั้งต่อตัวเราเองและผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นอย่างแรกในการวางพระหน้ารถที่ถูกวิธีคือ ทัศนวิสัยในการขับขี่ พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล พระตั้งหน้ารถอย่างไร ให้ถูกหลักฮวงจุ้ย? พระตั้งหน้ารถ วางอย่างไรให้ถูกหลักฮวงจุ้ย? แนะนำการเลือกพระตั้งหน้ารถ ประจำวันเกิด พร้อมวิธีตั้งให้เหมาะสมที่สุด การวางพระหน้ารถที่ถูกวิธีตามความเชื่อ เสริมสิริมงคล วางพระหน้ารถ ควรหันหน้าไปทางไหน หันหน้าเข้าหรือออก “พระคุ้มครอง” ก็จริง แต่ตั้งพระในรถดีจริงหรือ?
- ทำยังไงดี! เมื่อรถยนต์สุดรักดันเกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดคิด
อุบัติเหตุบนท้องถนนมักจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งในแต่ละครั้งที่เกิดอุบัติเหตุอาจนำมาซึ่งความเสียหายทั้งทรัพย์สินและร่างกาย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ตามมา ‘ประกันรถยนต์’ จึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันของเรา เพราะทางบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ พร้อมทั้งจัดการเรื่องเคลมประกันรถยนต์กับความเสียหายที่เกิดขึ้นแทนเรา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไรมาดูกัน เกิดอุบัติเหตุแล้วต้องไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าดันทุรังขับต่อ ห้ามขับหนีเด็ดขาด หายใจเข้าลึก ๆ สงบสติอารมณ์ อย่าเพิ่งโวยวาย อย่าเพิ่งเสียงดัง คุยกันด้วยเหตุผล และยังไม่ต้องรีบเอ่ยปากขอโทษ ให้ใจเย็น ๆ และโทรเรียกประกัน ห้ามเคลื่อนย้ายรถออกจากจุดเกิดเหตุ เปิดไฟฉุกเฉินแล้วรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง พวกเขาจะทำเครื่องหมายเส้นเกิดอุบัติเหตุและรวบรวมรายละเอียดและหลักฐานที่จำเป็น ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งป้ายทะเบียนและร่องรอยการชน หากมีกล้องบันทึกหน้าและหลังรถยนต์จะดีที่สุด ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ประกอบเป็นหลักฐาน ความปลอดภัยต่อชีวิตต้องมาเป็นอันดับแรก ถ้าอุบัติเหตุรถชนรถครั้งนี้มีคนเจ็บให้เรียกรถพยาบาลก่อนกดเบอร์โทรฉุกเฉิน แล้วค่อยโทรหาบริษัทฯ ประกันภัยครับ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ หรือพยายามหาว่าใครผิดใครถูก เพราะชีวิตสำคัญที่สุด เพราะอาจทำให้สถานการณ์และอาการบาดเจ็บเลวร้ายกว่าเดิม แม้จะเป็นเรื่องที่ยากมากในสถานการณ์แบบนั้น ต้องเรียกรถพยาบาล ไม่ควรเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยเอง และแจ้งตำรวจไปพร้อมกัน ให้ประกันภัยเป็นตัวกลางจัดการปัญหา ต้องติดต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ของคุณทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยไม่คำนึงถึงความผิด แม้ว่าอีกฝ่ายสัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหาย แต่การรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้บริษัทประกันภัยของคุณทราบเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมยอมรับความผิดหรือทำข้อตกลงใดๆ โดยไม่ปรึกษาผู้ให้บริการประกันภัยของคุณ พวกเขาจะแนะนำคุณตลอดกระบวนการและรับรองว่าการเรียกร้องของคุณจะได้รับการดูแลโดยทันที แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งคู่ดันไม่มีประกันภัยล่ะ! หากเป็นฝ่ายถูกในอุบัติเหตุ รถชน และคู่กรณีไม่มีประกันรถยนต์กันทั้งคู่ สามารถเรียกเก็บค่าเสียหายจากคู่กรณีได้ เช่น ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยอุบัติเหตุ รถชนตามพ.ร.บ.รถยนต์ ซึ่งสามารถต่อรองกันได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ควรไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานไว้ด้วยเป็นดีที่สุด แต่ถ้ากรณีที่คู่กรณีที่ไม่มีประกันอุบัติเหตุ รถชนที่คุณเป็นฝ่ายถูกและคู่กรณีไม่มีประกันรถยนต์ ทางเราสามารถเรียกค่าเสียหายได้ โดยเจ้าหน้าที่บริษัทประกันจะรับหน้าที่แทน ทั้งการเคลมประกันรถที่เสียหายจากอุบัติเหตุ รถชน และการไล่เบี้ยเก็บเงินจากคู่กรณี แต่อย่างไรก็ตาม ควรแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเผื่อเหตุที่คู่กรณีเลี่ยงความรับผิดชอบ พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล 5 ขั้นตอนปฏิบัติ เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ ขับรถชนคนแบบไม่ได้ตั้งใจ ประกันรถยนต์คุ้มครองไหม? สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เคลมประกันรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดอุบัติเหตุ รถชนกับคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์ ?
- 5 คำแนะนำ ก่อนเริ่มต้นเป็นนักขับรถปิ๊กอัพขนส่ง รถคอก รถตู้ทึบ ส่งสินค้ามือใหม่
ต้องขอบอกว่าในบ้านเรา รถปิ๊กอัพกลายเป็นเพื่อนคู่หูที่เชื่อถือได้สำหรับครอบครัวและธุรกิจมากมาย นอกจากจะเป็นพาหนะแล้วยังใช้สำหรับบรรทุกสิ่งของต่าง ๆ อีกด้วย เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นรถปิ๊กอัพไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากภูมิประเทศที่หลากหลายของประเทศของเรา ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ และแก่ง หลายพื้นที่ยังคงมีถนนขรุขระ ทำให้รถปิ๊กอัพเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถดัดแปลงรถปิ๊กอัพเพื่อการค้าเพื่อใช้เป็นช่องทางในการประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้อีกด้วย หลายคนยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อมเริ่มต้นประกอบอาชีพโดยใช้รถปิ๊กอัพ รถคอก รถตู้ทึบ ขนส่งสินค้าไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นยังไงดี และควรเตรียมตัวยังไงบ้าง วันนี้เราจะแนะนำ 5 สิ่งที่ควรทราบเบื้องต้นก่อนเริ่มต้นเส้นทางรับวิ่งงานขนส่ง ลองดูว่าตัวเราเองยังขาดสิ่งเหล่านี้อยู่หรือไม่ มีรถปิ๊กอัพก็เริ่มต้นประกอบอาชีพเหล่านี้ได้ อาชีพจากรถปิ๊กอัพของตัวเอง จริง ๆ แล้วมีตัวเลือกให้เริ่มต้นมากมายขึ้นอยู่กับว่าเราชื่นชอบการทำงานแบบไหน และรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้อาจจะต้องเผื่องบต่อเติมรถยนต์อีกซักหน่อย วันนี้เราจึงรวบรวมอาชีพที่นิยมและคิดว่าน่าจะเป็นแนวทางให้ผู้เป็นเจ้าของรถปิ๊กอัพไว้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ วิ่งงานรับผัก/ผลไม้ ตามฤดูกาล ซึ่งจะรับมาขายปลีกเองหรือส่งตลาดใหญ่ก็ได้เช่นกัน หากเป็นการส่งตลาดใหญ่จะเป็นการวิ่งรับจากสวนไปส่งตลาดศูนย์กลาง โดยจะมีแต่ละสายสนส่งแตกต่างกันไปในแต่ละภุมิภาคขึ้นอยู่กับว่าเราร่วมงานกับทีมไหน การขนส่งจะเป็นภายในวันหรือคืนนั้น ๆ ค้าขายตามตลาดนัด หากมีรถกระบะอยู่แล้ว “ตลาดนัด” หรืองาน “งานอีเว้นท์” ก็นับว่าเป็นการเปิดโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจในการขายของ และพัฒนาตัวเองในเรื่องของการขายได้ดี เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังคงนิยมเดินจับจ่ายใช้สอยตามตลาดนัด หรือเวลามีงานอยู่ รับจ้างทั่วไป/ขนของย้ายห้อง/ย้ายบ้าน การบริการรับจ้างขนของทั่วไป รับจ้างขนย้ายบ้าน รับจ้างขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายคอนโด ซึ่งหากมีสกิลหรือความสามารถในถอดและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในสำนักงานของลูกค้าด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้มีความน่าสนใจและสามารถดึงดูดให้ลูกค้าติดต่อจ้างงานได้มากกว่าเจ้าอื่นๆ รถแห่โฆษณา รถแห่โฆษณานี้เองที่เป็นผู้สร้างการรับรู้ และเป็นประตูในการนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการตอบสนองต่อสินค้าหรือแบรนด์ของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รถพุ่มพวงขายกับข้าว แม้ปัจจุบันจะเห็นว่ารถขายอาหารสด หรือรถพุ่มพวงมีจำนวนมากขึ้น แต่อาชีพนี้รับรองว่ายังไงก็ไปต่อได้ หากรู้จักการวิ่งเข้าหาแหล่งชุมชนหรือย่านที่พักอาศัย ก็จะสามารถทำรายได้จากรถพุ่มพวงแน่นอน พาร์ทเนอร์กับแอปฯ ขนส่ง พาร์ทเนอร์ผู้ขับจะต้องใช้แอปฯ วิ่งงานสำหรับผู้ขับโดยเฉพาะไว้รับงานจากลูกค้า ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งร่วมวิ่งงานเป็นครั้งคราวเพื่อหารายได้พิเศษ(Part-time) หรืออาจเป็นผู้ขับรถร่วมที่ประกอบอาชีพเป็นงานประจำไปเลย อันนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับความสะดวกของเราด้วยว่าจะเอาแบบไหน "ลักษณะการทำงาน" สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัว ในบางอาชีพคุณอาจได้ใช้ชีวิตกับรถยนต์คู่ใจ บางครั้งเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองทั้งกินอยู่และนอนหลับ เนื่องจากต้องรักษาระยะเวลาในการเดินทาง ความรีบเร่งในการขนส่ง รวมไปถึงระยะทางในการเดินทาง ความตรงต่อเวลา การทำงานเป็นทีม การมีสติแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แน่นอนว่าทุกการขับขี่คุณต้องคำนึงถึงสินค้าที่คุณบรรทุกมาโดยไม่ประมาทจนก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องใส่ใจการขึ้นสินค้า รู้จักจัดแจงตำแหน่งการกระจายน้ำหนักให้ดี เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดที่นอกจากต้องซ่อมแซมรถยนต์ของเราเองแล้วอาจถูกผู้ว่าจ้างปรับค่าสินค้าเสียหายอีกต่างหาก(ถ้าหากไม่มีประกันสินค้า) ทั้งนี้นั้นขึ้นอยู่กับว่าอาชีพที่เราใช้รถปิ๊กอัพประกอบอาชีพนั้นเป็นอย่างไร บางงานอาจต้องใช้ความชำนาญสูงในการขับขี่เป็นพิเศษ ใช้ทั้งพลังกายพลังใจ บางงานอาจมีปัจจัยความเสี่ยงทั้งในเรื่องความอ่อนไหวของตัวสินค้าและมูลค่าเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือบางงานอาจต้องดำเนินงานได้แค่กลางคืนเท่านั้นและแข่งกับเวลา ดังนั้นลองพิจารณาความพร้อมของตัวเราเองว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน ลองสอบถามเพื่อนร่วมอาชีพหาคำแนะนำดี ๆ คอยนำทางเรา ก็น่าจะช่วยให้เราเริ่มต้นประกอบอาชีพได้มั่นใจยิ่งขึ้น งานที่เราเต็มที่กับมัน หากคุณทำได้ถูกที่ถูกเวลาผลตอบแทนย่อมสมน้ำสมเนื้อกับหยาดเงื่อที่เสียไปแน่นอนครับ สินค้าที่ถูกขนส่งให้ความสำคัญแตกต่างกันไป พืชผัก/ผลไม้สด หรือพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยส่วนมากมักจะเดินทางขนส่งรวดเดียวให้เร็วที่สุด รีบขึ้นของและรีบลงของ เป็นสินค้าที่บอบบาง เหี่ยวเฉา เสียหายได้ง่าย หากเป็นตอนกลางวันมักต้องถูกคลุมด้วยผ้าใบเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด ฤดูฝนอาจต้องใช้วิธีเช่นเดียวกับสินค้าที่เป็นของเหลวบรรจุขวด การดูแลรักษาขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้ขับขี่แต่ละคน วัตถุดิบหรืออาหารแช่เย็น-แช่แข็ง/อาหารทะเล สินค้าประเภทนี้ต้องใช้รถตู้เย็นประเภทเดียวเท่านั้นในการขนย้ายเนื่องจากต้องมีการควบคุมอุณหภุมิตลอดเวลาขนส่ง สินค้าที่เป็นของเหลวบรรจุขวด มีน้ำหนักมาก บางครั้งต้องมีการคลุมปิดทับสินค้าไม่ให้โดนน้ำที่อาจก่อความเสียหายให้สินค้าได้ หรือแม้แต่แสงแดดที่อาจทำให้คุณสมบัติของสินค้าเปลี่ยนแปลง เน่าเสียได้เช่นกัน แต่กรณีที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีใบอนุญาตและต้องพกติดรถไปด้วย ปุ๋ยหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สินค้าเหล่านี้มักจะบรรทุกไม่เยอะมากเนื่องจากมีน้ำหนักมาก หรือบางชิ้นอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมรถยนต์ไม่ควรสูงหรือยาวเกินกว่ากฎหมายกำหนด ท่อน้ำ/ท่อร้อยสายไฟฟ้า/ท่อโลหะ มันเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่ไม่ควรสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ท่อบางชนิดมีความยาวควรติดสัญญาณเตือนติดด้านปลายหรือส่วนทายของสินค้า มีการมัดขึงที่แน่นหนาไม่ทำให้สินค้าร่วงหล่น เฟอร์นิเจอร์/ข้าวของเครื่องใช้ สินค้าประเภทนี้ต้องรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำเนื่องจากเฟอร์นิเจอร์เมื่อโดนน้ำอาจก่อให้เกิดคราบฝังหรือเปื่อยยุ่ยเสียหาย รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้บางประเภทที่อาจเป้นเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นไปได้ควรตรวจสอบสภาพอากาศหรือใช้รถตู้ทึบแห้งในการขนย้าย ยานพาหนะขนาดเล็ก ระมัดระวังเรื่องการยึดสินค้าให้อยู่กับที่ ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนเสียหาย บางผู้รับจ้างมักใช้รถปิ๊กอัพตู้ทับในการรับจ้างขนย้ายไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นหรือวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ในท้องถนนทำให้เกิดความเสียหาย ก๊าซและสารเคมีอุตสาหกรรม โดยปกติมักเป็นรถยนต์ที่ได้รับใบอนุญาต/ใบขับขี่ในการขนส่งเท่านั้น เนื่องจากเป็นวัตถุอันตราย กฎหมายที่เกี่ยวข้องช่วยให้เราระมัดระวังและไม่ถูกจับปรับ ตามกฎหมายรถกระบะขนาด 1 ตัน สามารถบรรทุกของได้ไม่เกิน 1,000 กก. หรือ 1 ตัน ตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 หากต้องการบรรทุกหนักเกินกว่านั้น เจ้าของรถต้องติดต่อสำนักงานขนส่ง เพื่อยื่นเรื่องขออนุญาตดัดแปลง อาทิ เปลี่ยนเพลา เสริมแหนบ เปลี่ยนกระทะล้อ เพื่อให้บรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้นอย่างปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย ต้องคำนึงถึงความกว้าง ความยาว และความสูง ของสิ่งที่บรรทุกด้วย โดยจะมีกฎข้อห้ามการบรรทุกตาม พ.ร.บ. รถยนต์ ปี 2522 มาตรา 5 และมาตรา 15 ระบุไว้ว่า ต้องบรรทุกของไม่เกินความกว้างขอตัวรถ ส่วนความยาวด้านหน้ายื่นได้ไม่เกินฝากระโปรงหน้ารถ และด้านหลังเลยตัวรถได้ไม่เกิน 2.5 เมตร ขณะที่ความสูงวัดจากพื้นถนนแล้วต้องไม่เกิน 3.8 เมตร ถ้าจำเป็นต้องบรรทุกเกินความยาวของตัวรถ ต้องติดธงสีแดงเรืองแสงทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาด 30x45 ซม. ไว้ปลายสิ่งของที่บรรทุกมา เช่นเดียวกันในตอนกลางคืนต้องมีการติดสัญญาณไฟสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ชัดในระยะ 150 เมตร รวมถึงต้องมีเชือกหรือสายรัดในการผูกมัดสิ่งของเอาไว้อยู่กับรถ และต้องมั่นใจว่ามีการผูกเอาไว้อย่างแน่นหนา ป้องกันการตกหล่นและรั่วไหลของสิ่งของที่บรรทุก เพราะอาจสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นได้ ใบขับขี่ไม่ได้ใบเดียวกับที่ใช้ขับขี่ทั่วไป ใบขับขี่ทั้งแบบใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล และใบอนุญาตขับขี่รถทุกประเภท แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะรถ น้ำหนักรถและการใช้งานรถ ได้แก่ ใบขับขี่ประเภท 1, ใบขับขี่ประเภท 2, ใบขับขี่ประเภท 3 และใบขับขี่ประเภท 4 สามารถใช้ใบขับขี่ประเภทที่สูงกว่าแทนใบขับขี่ประเภทที่ต่ำกว่าได้กรณีต้องการขับรถที่นอกเหนือจากใบขับขี่ที่มีอยู่ ใบขับขี่ประเภท 1 ใบขับขี่ประเภท 1 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่น้ำหนักรถและน้ำหนักรถบรรทุกรวมกันไม่เกิน 3,500 กิโลกรัมที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 20 คน ได้แก่ ใบขับขี่ บ.1 และใบขับขี่ ท.1 ใช้ขับรถแท็กซี่ หรือรถตู้ มีอายุการใช้งาน 3 ปี ผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี และต้องสอบขับรถตามชนิดใบอนุญาต ใบขับขี่ประเภท 2 ใบขับขี่ประเภท 2 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่า 3,500 กิโลกรัม ที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารเกินกว่า 20 คน ได้แก่ ใบขับขี่ บ.2 และใบขับขี่ ท.2 ใช้ขับรถเมล์, รถบัส, รถบรรทุกสินค้า หรือรถ 6 ล้อ มีอายุการใช้งาน 3 ปี โดยผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี และต้องสอบขับรถตามชนิดใบอนุญาต ใบขับขี่ประเภท 3 ใบขับขี่ประเภท 3 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับลากจูงรถอื่นหรือล้อเลื่อนที่บรรทุก ได้แก่ ใบขับขี่ บ.3 และใบขับขี่ ท.3 ใช้ขับรถพ่วง, รถ 10 ล้อ หรือรถ 6 ล้อ มีอายุการใช้งาน 3 ปี โดยผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี ต้องเข้ารับการอมรมหลักสูตรความปลอดภัยตามที่กำหนด และต้องสอบขับรถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วง ใบขับขี่ประเภท 4 ใบขับขี่ประเภท 4 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายตามประเภทหรือชนิดและลักษณะการบรรทุกตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้แก่ ใบขับขี่ บ.4 และใบขับขี่ ท.4 ใช้ขับรถขนส่งเคมี, รถบรรทุกเชื้อเพลิง มีอายุการใช้งาน 3 ปี โดยผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี ต้องเข้ารับการอมรมหลักสูตรความปลอดภัยตามที่กำหนด และต้องสอบขับรถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วง พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล เคล็ด (ไม่) ลับ บรรทุกของท้ายรถกระบะอย่างไร ไม่ให้โดนจับ! ต้องรู้! ใบขับขี่รถยนต์มีกี่ชนิดและมีกี่ประเภท? มีค่าใช้จ่ายเท่าไรบ้าง? กฎหมายรถกระบะ บรรทุกของอย่างไรไม่ให้ถูกจับ รถกระบะบรรทุกได้กี่ตัน ถึงจะไม่ผิดกฎหมาย ? 10 เส้นทางรวย ด้วยการสร้างอาชีพจาก “รถกระบะ” เริ่มต้นง่ายทำได้จริง ไปดูกันเลย..
- สายมูต้องดู! สิ่งของต้องห้ามที่เชื่อกันว่าไว้ในรถแล้วไม่เป็นสิริมงคล
ห้องโดยสารเป็นพื้นที่ที่ผู้ขับขี่ใช้สอยอยู่ตลอดเวลาในการเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ทั้งกับครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เรารัก เดินทางคนเดียว มักต้องมีสัมภาระสิ่งของติดไม้ติดมือทั้งของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เข้า-ออกรถยนต์ทุกครั้งที่เดินทาง ต้องมีบ้างที่จะหลงลืมจนตกหล่นสูญหาย(ไปในรถยนต์) หรือมาเจออีกทีตอนรื้อห้องโดยสารทำความสะอาด ซึ่งสิ่งของต้องห้ามหลาย ๆ ชิ้นที่เราแนะนำต่อไปนี้ให้นำออกจากรถยนต์ที่คุณรักโดยเร็วจะดีกว่า เพราะนอกจากจะไม่เป็นสิริมงคลแล้วยังอาจส่งผลเสียต่อตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วย พวงมาลัยแห้งหรือดอกไม้แห้ง หลายคนซื้อพวงมาลัยมาบูชา แต่ก็ชอบปล่อยทิ้งในรถจนเหี่ยวเฉา ขึ้นชื่อว่าสิ่งของที่เหี่ยวเฉาก็เป็นของที่ไม่น่าพิสมัย ไม่เหมาะสำหรับเก็บไว้ในรถยนต์ ทำให้สิ่งที่ควรจะเป็นวัตถุมงคลกลายเป็นสิ่งของต้องห้าม อัปมงคลทั้งในเรื่องของฝุ่น เชื้อรา และความสกปรก เหรียญ เชื่อว่า เศษเหรียญที่ตกกระจายอยู่ทั่วรถ หมายถึง คุณไม่สามารถเก็บเงินไว้อยู่กับตัวเองได้ จึงเชื่อกันว่าไม่ว่าจะทำมาหากินอะไร เงินก็จะตกหล่นเก็บออมไว้ไม่อยู่ เป็นสัญญะสื่อว่าเงินมีการรั่วไหลออกจากเจ้าของ นาฬิกาตาย นาฬิกาเป็นสัญลักษณ์ถึงเวลา โดยปกติการใส่นาฬิกาตายในชีวิตประจำวัน ก็มีความเชื่อว่ากันว่าเป็นเรื่องไม่มงคล เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงถึงการตาย การหยุดของอายุขัย และถ้านำมาเก็บไว้บนรถยนต์ ก็จะมีความเชื่อกันว่า จะนำพาผู้ขับขี่ไปสู่การหมดอายุขัยหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนเสียชีวิต ของใช้ของผู้ล่วงลับ หลายคนอยากเก็บสิ่งของเครื่องใช้คนใกล้ชิดที่เสียชีวิตแล้ว ไว้ดูต่างหน้าหรือเพื่อคุ้มครองตนเอง ทำให้เกิดความรู้สึกยึดติด ความคิดถึง ยังอาจจะทำให้เราวอกแวกไม่มีสมาธิต่อการขับรถได้ ด้วยความรักและคิดถึง หรือความกลัว ควรจะเก็บของดูต่างหน้าไว้ในที่ที่ร่มเย็น เช่น ห้องพระ กระจกที่แตกร้าว หากพบว่ากระจกมีรอยร้าวที่เห็นชัด ควรจะรีบซ่อมแซม ซึ่งการไม่ควรมีกระจกแตกร้าวอยู่บนรถ ก็ตั้งอยู่บนความเชื่อเดียวกัน เพราะกระจกเป็นสัญลักษณ์แทนชะตาชีวิต การที่มีกระจกแตกร้าวจะเป็นสัญลักษณ์เหมือนกับว่าชะตาขาด จะทำให้คนที่อยู่บนรถทะเลาะ มีปากเสียงกัน อาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ และของอีก 3 อย่างที่จะมูไม่มูก็ไม่ควรมีไว้ติดรถยนต์ ของใช้ที่บรรจุก๊าซไวไฟ สารเคมีและแก๊สสะสมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง หากลืมไว้ในรถที่มีอากาศร้อนจัด ก็อาจเสี่ยงต่อการจุดไฟและการระเบิดได้ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ แบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วและมีอายุการใช้งานสั้น และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อรถได้ เพราะในแบตเตอรี่มีสารลิเธียมเป็นโลหะที่ไวต่อความร้อน อาจทำให้เกิดการลัดวงจรเมื่อเจอความร้อนสูง อาจทำให้เกิดประกายไฟและระเบิดได้ ขวดน้ำ(ที่เก็บไม่ถูกที่) ถ้าขวดน้ำพลาสติกที่มีน้ำอยู่เมื่อโดนแสงแดดส่องและอากาศที่ร้อนจัดนั้น จะทำให้ขวดน้ำพลาสติกกักเก็บความร้อนและทำหน้าที่เหมือนเลนส์รวมแสง อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในรถที่โดนขวดน้ำเกิดไฟลุกได้ ยิ่งไปกว่านั้นขวดน้ำที่เก็บไม่ถูกที่ถูกทางอาจกลิ้งไปขัดคันเร่งหรือเบรคจนเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้ แนะนำว่าหากจำเป็นต้องมีน้ำดื่มในรถยนต์จริง ๆ ให้เก็บไว้เป็นที่ที่ไม่กลิ้งไหล หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือเก็บออกจากรถยนต์ พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล ของต้องห้ามในรถไม่ควรมี ความเชื่อสายมู ส่งผลไม่ดีต่อผู้ขับขี่ สิ่งของอาถรรพ์ความเชื่อ สิ่งของที่ไม่ควรมีไว้ในรถยนต์ สิ่งมงคลควรมีติดรถ แคล้วคลาด ตลอดการขับขี่ 7 สิ่งของที่ห้ามทิ้งไว้ในรถ
- จานเบรคสนิมขึ้น เรื่องปวดใจที่คนรักรถต้องเผชิญไม่ใช่แค่ช่วงหน้าฝน
จานเบรคสนิมขึ้นเป็นปัญหาคู่รถยนต์ที่พบเจอได้ในรถยนต์ทุกรุ่นให้เจ้าของรถได้กังวลใจไปตาม ๆ กัน พลางตามหาคำตอบว่าถ้าเป็นแบบนี้เบรถจะยังปกติไหม จะแก้ไขยังไงดี ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ช่วงฤดูฝนก็ตาม วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว "สนิม" ธรรมชาติของปฏิกิริยาบนโลหะที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เหล็ก สนิมเกิดขึ้นจากความชื้นทั้งจากน้ำและสภาพอากาศทำปฏิกิริยากับผิวของโลหะ ในเบื้องต้นจะเกิดขึ้นเป็นคราบสนิมแดงเท่านั้น ตัวสนิมแดงที่เกิดขึ้นเป็นสนิมที่มีการกัดกร่อนน้อยมาก ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งาน ไม่ได้อันตรายหรือว่าจานเบรคจะเสื่อม/หมดอายุการใช้งาน เนื่องจากจานเบรคนั้นเป็นโลหะหนา แต่หากจานเบรคมีสนิมฝังลึกจนเริ่มมีเศษชิ้นส่วนสนิมหลุดออกมา ต้องไปศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คดูว่าผิวจานเบรคยังคงมีสภาพดีหรือไม่ ป้องกันสนิมได้ด้วยวิธีง่าย ๆ การเกิดสนิมบางครั้งไม่ได้เกิดขึ้นจากสภาพอากาศเพียงอย่างเดียว บางครั้งรวมไปถึงพฤติกรรมการใช้งานของเราด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์มาแล้วแต่ไม่อยากใช้งานบ่อยมากเพราะกลัวเสื่อมสภาพ การนำรถยนต์ไปล้างทำความสะอาดบ่อย ๆ แต่ก็จอดทิ้งไว้ที่บ้านเพราะไม่อยากให้เปื้อนหรือเป็นรอย หรือบางคนอาจจะขับขี่บุกตะลุยทุกพื้นที่มาโดยไม่ได้สนใจใยดีรถยนต์นัก ปัจจัยจากการใช้งานเหล่านี้ก็มักจะนำพาสนิมหวนคืนสู่ตัวรถยนต์และจานเบรคได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วหากเป็นคราบสนิมบนจานเบรคเราก็แนะนำว่าให้นำรถยนต์สุดรักออกไปขับขี่บ้าง ใช้งานรถตามปกติ ทุกครั้งที่มีการเหยียบเบรค ผ้าเบรคก็จะทำหน้าที่ในการกำจัดสนิทเหล่านี้อออกไป ทำให้จานเบรคกลับมาสะอาดดังเดิม แต่ในกรณีที่เบรคครั้งแรกๆ อาจมีเสียงดังเล็กน้อย สักพักก็จะหายไป แต่ถ้าหากเป็นรถยนต์ที่เน้นเก็บสะสมหรือจอดไว้ไม่ค่อยใช้งานจริง ๆ ควรเป็นที่ที่ความชื้นน้อยและอยู่ในที่ร่ม ดูแลตามวิธีการที่ถูกต้องทั้งในเรื่องของเหลวภายในตัวเครื่องและอะไหล่ภายนอก ทั้งนี้ก็ยังคงแนะนำว่านำมาอุ่นเครื่องและขับขี่บ้าง หรือนำรถยนต์เข้าศุนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค ไม่ว่าจานเบรคจะมีคราบสนิมแดงบาง ๆ หรือคราบหนักฝังลึก สามารถนำมาเจียรจานเบรคออก แต่แนะนำว่าต้องเป็นจานเบรคที่มีความหนา 4 มิลลิเมตรขึ้นไป ถึงจะเจียรได้โดยจานเบรคยังเหลือความหนาไว้อยู่โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายในการขับขี่ อีซูซุฮกอันตึ๊งทุกศูนย์บริการก็พร้อมดูแลจานเบรคให้ลูกค้า สามารถนำรถยนต์มาตรวจเช็คและเจียรจานเบรคตลอดทุกวันทำการ หรือโทรจองคิวศูนย์บริการได้ง่าย ๆ ที่นี่เลยครับ สารหล่อลื่นหรือสเปรย์น้ำมันใด ๆ ใช้แล้ว "เบรคไม่อยู่" ความเข้าใจผิด ๆ ว่าถ้าฉีดเสปรย์หล่อลื่นแล้วสนิมจะไม่ยึดเกาะ ห้ามทำตามเด็ดขาดเพราะนอกจากจะทำให้เบรคทำหน้าที่ได้ไม่ดี เบรคที่ควรจะต้องเบรคตามระยะ ก็จะใช้ระยะในการเบรคยาวขึ้น หรือบางทีอาจเบรคลื่น เบรคไม่อยู่นำไปสู่อุบัติเหตุได้ พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล สนิมขึ้นจานเบรค ! อันตรายไหม แก้ยังไง ? สนิมขึ้นจานเบรก อันตรายต่อการขับขี่หรือไม่ มีวิธีแก้ไขอย่างไรให้ปลอดภัย ทำอย่างไรเมื่อ จานเบรกเป็นสนิม เปิดวิธีขจัดสนิมขึ้นจานเบรก หลังหมดหน้าฝน จอดรถนานจนจานเบรกสนิมเกาะอย่าพึ่งกังวล แก้ไขได้ไม่อันตรายอย่างที่คิด
- ทะเบียนป้ายแดง กับความเข้าใจผิด ๆ ที่ขับไม่ระวังอาจถูกปรับอ่วม
อย่างที่รู้กันว่าทะเบียนป้ายแดงนั้นเป็นเหมือนสัญลักษ์ของรถยนต์ที่พึ่งออกใหม่ ๆ ดูมีมูลค่า โดดเด่นกว่าป้ายอื่น ๆ ถึงขั้นที่ว่ามียุคหนึ่งที่ผู้ขับขี่นิยมติดป้ายแดงกับรถยนต์หรูจนไปถึงรถยนต์ใช้งานทั่วไป ไม่ยอมใช้ทะเบียนที่จดทะเบียนแล้วมาติด หรือไม่ยอมดำเนินการจดทะเบียน เรียกว่าเป็นการลากป้ายแดงนั่นเอง ซึ่งในวันนี้จะมาย้ำความเข้าใจว่าป้ายแดงจริง ๆ แล้วต่างจากความเข้าใจเดิมอย่างไรบ้างสำหรับผู้ขับขี่ที่พึ่งออกรถยนต์ใหม่ หรือพึ่งขับขี่ยานพาหนะเป็นครั้งแรก ทะเบียนป้ายแดงไม่ได้มีสิทธิพิเศษใด ๆ บนท้องถนน หลาย ๆ คนเวลาขับขี่รถยนต์ทะเบียนป้ายแดงมักจะรู้สึกว่ามีสิทธิพิเศษบางอย่างที่ทำให้รถคันอื่น ๆ รู้สึกเกรงใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วทะเบียนป้ายแดงมีข้อจำกัดในการขับขี่ทั้งในเรื่องของระยะทางและเวลา แถมจะเป็นเรื่องชวนปวดหัวเวลาต้องใช้รถยนต์เมื่อถึงคราวจำเป็นอีกต่างหาก จุดประสงค์หลักของทะเบียนป้ายแดง การติดทะเบียนป้ายแดงพบได้ทั้งผู้จำหน่ายที่เป็นคู่ค้าของบริษัทรถยนต์โดยตรงและผู้จำหน่ายรถยนต์มือสอง มีจุดประสงค์หลัก 2 กรณี คืออนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะกรณีเพื่อขายและเพื่อซ่อม พูดง่าย ๆ ก็คือรถป้ายแดงเป็นรถที่ยังไม่มีการจดทะเบียนถูกต้อง แต่ป้ายแดงที่ติดเป็นเหมือนเอกสารชั่วคราวที่ออกให้ผู้จำหน่ายติดเพื่อใช้งานรถยนต์ในจุดประสงค์เฉพาะเจาะจงภายใต้ข้อจำกัดที่กำหนด เมื่อผู้ขับขี่ซื้อรถยนต์หรือยานพาหนะอื่น ๆ ต้องดำเนินการจดทะเบียนอย่างถูกต้องโดยเร็ว ป้ายแดงใช้ได้นะ แต่เอกสารห้ามลืมบันทึก ขอบเขต ระยะทาง และเวลาขับขี่ถูกจำกัด แน่นอนว่าที่กล่าวมาในหัวข้อข้างต้นคือกรอบกฎหมายของทะเบียนป้ายแดงจริง ๆ แต่ทั้งนี้กรอบกฎหมายของทะเบียนป้ายแดงก็ยังมีข้อบังคับและข้ออนุโลมเบื้องต้นดังนี้ สมุดคู่มือประจำรถติดรถ ผู้ขับขี่รถป้ายแดงจะต้องบันทึกรายละเอียดการใช้งานรถทุกครั้งที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อผู้ขับขี่ ยี่ห้อรถ หมายเลขตัวรถหรือหมายเลขเครื่องยนต์ของรถ ระยะเวลาในการใช้งานรถต่อครั้ง และสถานที่จุดหมายปลายทาง เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหากมีการเรียกตรวจ โดยผู้ใช้รถป้ายแดงจะต้องพกสมุดคู่มือติดรถไว้ตลอดเวลา กระทำผิดอาจจะโดนปรับสูงสุด 1,000 บาท ขับขี่ได้เฉพาะในเขตจังหวัดที่ระบุในทะเบียน ตามกฎหมายระบุไว้ว่า รถป้ายแดงสามารถวิ่งได้ภายในเขตที่ระบุอยู่บนป้ายทะเบียนเท่านั้น เช่น ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ก็สามารถใช้ได้ภายในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น หากมีความจำเป็นที่ต้องใช้งานข้ามเขต จะต้องมีการลงบันทึกการใช้รถอย่างละเอียด ต้องได้รับการอนุญาตจากนายทะเบียนเซ็นกำกับเป็นหลักฐานก่อน ซึ่งจะมีการกำหนดวันกลับอย่างชัดเจนในบันทึกทั้งไปและกลับ โดยปกตินายทะเบียนจะอนุญาตให้ใช้รถป้ายแดงออกนอกเขตพื้นที่ครั้งละไม่เกิน 3 วัน หรือหากมีความจำเป็นไม่เกิน 5 วัน หากฝ่าฝืนจะโดนปรับสูงสุด 10,000 บาท ขับขี่ได้ภายในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น รถยนต์ป้ายแดงสามารถขับได้เฉพาะช่วงเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในช่วงเวลาประมาณ 06.00–18.00 น. เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีการอนุโลมให้วิ่งเพิ่มได้ถึง 20.00 น. เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน หากฝ่าฝืนจะโดนปรับสูงสุด 10,000 บาท ขับขี่ได้ชั่วคราว ให้ดำเนินการจดทะเบียนป้ายขาวภายในระยะเวลา 30 วันนับจากวันที่ได้รับรถ หรือระยะทางการใช้งานไม่เกิน 3,000 กม. หากฝ่าฝืนจะโดนปรับสูงสุด 10,000 บาท พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล เช็กกฎหมาย “รถป้ายแดง” สามารถใช้งานได้นานสุดกี่วัน ต้องใช้อย่างไรให้ไม่โดนจับ?? 4 ข้อควรรู้คู่รถป้ายแดง ไม่อยากโดนปรับ ต้องทำตามนี้! อัปเดตกฎหมายรถป้ายแดง 2566 ขับผิดเวลา ระวังถูกปรับ! รวมกฎข้อระวังและข้อห้ามรถป้ายแดงที่ควรรู้ ป้ายแดงเกลื่อนเมือง! ปลดล็อกคำถามคาใจ คนขับรถใหม่ต้องรู้
- รถน้ำมันใกล้หมด จะขับต่อไปจนถึงจุดหมายหรือแวะปั้มให้สบายใจดี ?
เพื่อน ๆ ผู้ขับขี่หลาย ๆ คนเวลาติดรถยนต์เดินทางไปที่ไหนไกลบางครั้งมักจะตกใจกับหน้าปัดระดับน้ำมันอันน้อยนิดเสมอและจะได้คำตอบของเจ้าของรถตลอดว่า "เรารู้รถยนต์คันนี้ดี" เสมือนเพื่อนสนิทที่ฝ่าฟันอุปสรรคกันมาแค่มองตาก็รู้ใจซะอย่างนั้น หรือความเคยชินของการเดินทางระยะทางเดิม ๆ ไม่อยากเติมน้ำมันเยอะเพราะเปลืองเงิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำมาสู่การซ่อมแซมรถยนต์ เพราะการขับขี่รถยนต์สันดาปเป็นเรื่องปกติที่ต้องคอยดูแลและตรวจสอบของเหลวที่ไหลเวียนภายในเครื่องยนต์ โดยในครั้งนี้จะเป็นเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ที่หากหมดจนแห้งอาจเกิดความเสียหายได้มากกว่าที่คิด รู้ใจรถยนต์จากคู่มือการใช้งาน ในรถยนต์หลาย ๆ รุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป ภายในคู่มือนอกจากจะบอกชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้งานได้กับรถยนต์คันนั้น ๆ ยังบอกขอกำชับในการใช้งานรถยนต์ไม่ให้ระดับน้ำมันต่ำกว่าที่กำหนด เช่น บางรุ่นกำหนดไว้ห้ามต่ำกว่า 2 ขีดแดงในหน้าปัด ซึ่งเป็นการรักษาอะไหล่ต่าง ๆ ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ไฟสัญญาณเตือนขึ้นขับต่อได้ แต่ไว้ตอนฉุกเฉินจริง ๆ ดีกว่า โดยเฉลี่ยแล้วสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ (โปรดดูข้อมูลจำเพาะของรถแต่ละคันเพื่อดูข้อมูลที่ถูกต้อง) เมื่อไฟเตือนสีเหลืองเริ่มกระพริบโดยทั่วไปคุณสามารถขับต่อไปอีก 40-50 กิโลเมตรก่อนที่ถังน้ำมันจะหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือระยะทางอาจแตกต่างกันเนื่องจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการจราจรติดขัด สภาพอากาศที่ฝนตก ถนนที่มีน้ำท่วม ทางโค้งบ่อยบนเส้นทาง ความจำเป็นในการเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้ความเร็วในการขับขี่ช้าลง หากรถน้ำมันหมดกลางทาง เมื่อเติมน้ำมันใหม่อย่าลืมไล่ลมในระบบ กรณีที่ขับขีรถยนต์จนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดถัง หากทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้น้ำมันมาแล้ว แต่กลับพบว่า พอเติมน้ำมันไปแล้วรถยนต์กลับสตาร์ทไม่ติด ปัญหานี้อาจเกิดจากลมที่ค้างอยู่ในท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงหรือในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เปิดกระโปรงรถยนต์แล้วดูตรง ปั๊มแรงดันต่ำ หรือปั๊มมือ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ทางด้านขวามือถัดจากหม้อแบตเตอรี่ เราจะเห็นตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิง หน้าตาคล้าย ๆ กับกระปุกขนาดเท่ากระบอกน้ำมีจุกสีดำ ให้ใช้มือกดที่หัวปั๊มหลาย ๆ ครั้ง จนรู้สึกว่ามีแรงต้านดันขึ้นมาจากด้านใน หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทรถยนต์อีกครั้ง หากเครื่องยนต์ยังไม่ติดให้ลองทำซ้ำต่อเนื่องอีก 2-3 ครั้ง เพื่อไล่อากาศที่ยังคงค้างอยู่ในตัวถังน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ควรเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย รถยนต์มีอาการเหล่านี้ให้รีบเข้าศูนย์บริการ การขับขี่จนน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้หมดหรือหมดถังแบบนี้บ่อย ๆ จะทำให้ "ปั้มติ๊ก" ที่มีหน้าที่ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังเข้าสู่เครื่องยนต์ทำงานหนักมากเกินไปเนื่องจากไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงดูดซับความร้อนจากตัวปั๊ม หรือตะกอนภายในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน ก็มีโอกาสทำให้ปั๊มติ๊กไหม้และพังเสียหายได้ หากเกิดอาการสตาร์ตไม่ค่อยติด ติดๆ ดับๆ กระตุก ไม่ต่อเนื่อง อาจเป็นไปได้ว่า “ปั๊มติ๊ก” กำลังเสื่อมสภาพ หมั่นรักษาระดับน้ำมันในถังง่ายกว่าส่งรถยนต์เข้าศูนย์ซ่อม การเติมน้ำมันเกือบเต็มถังไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานรถยนต์มากนักตามความเชื่อในยุคก่อน ๆ เพราะหากคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมตามความจุของถัง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอาจเทียบเท่ากับผู้โดยสารผู้ใหญ่เพียง 1 คน หรือเด็ก ๆ เพียง 2 คนเท่านั้น ไม่ได้ทำให้การขับขี่สิ้นเปลืองมากกว่าเดิมจนรู้สึกได้ขนาดนั้น ปัจจัยสำคัญจึงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และน้ำหนักการบรรทุกสิ่งของ ดังนั้นการเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสม่ำเสมอ และวางแผนการเดินทางนั้นง่ายกว่าการที่ต้องมาลุ้นว่ารถยนต์จะดับเมื่อไหร่จากการขับขี่ขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงจะหมดถัง ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นแลกกับความสะดวกเพียงเล็กน้อยนั้นไม่คุ้มค่าเลย เมื่อน้ำมันรถเหลือเพียง 1 ใน 4 ของถัง ควรมองหาปั๊มพุ่งเข้าไปเติมให้สบายใจเราอีกทั้งปลอดภัยกับเครื่องยนต์ด้วย พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล รถน้ำมันหมด อย่าเพิ่งหมดใจ รวม 7 วิธีเอาตัวรอดน้ำมันหมดกลางทาง ถ้าไม่อยากให้ปั้มติ๊กพัง อย่าปล่อยให้น้ำมันหมดถัง ขับรถน้ำมันใกล้หมดถัง .. เรื่องไม่ควรทำ ที่อาจไม่มีใครเคยบอกคุณ ไฟเตือนน้ำมันใกล้หมด ขับต่อได้อีกไกลแค่ไหน และข้อควรรู้การเติมน้ำมันรถ ขับรถน้ำมันใกล้หมด ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด! พร้อมวิธีขับรถป้องกันน้ำมันหมด คาร์ทิปส์ : อย่าปล่อยให้น้ำมันหมดบ่อย ‘ปั๊มติ๊ก’ขอร้อง : โดย ช่างเซียน
- ถ้ายางรถเรามีลักษณะผิดปกติเหล่านี้ แล้วจะใช้ต่อไปดีไหมนะ ?
ยางรถยนต์ถือเป็นอะไหล่เพียงอย่างเดียวที่ทำหน้าที่สัมผัสกับพื้นผิวของถนน มีความสามารถในการยึดเกาะพื้นผิวแตกต่างกันไปตามชนิดของหน้ายาง ทั้งนี้แม้ว่ายางรถยนต์จะถูกออกแบบให้มีความทนทาน แต่ยางรถยนต์ทุกเส้นมีการสึกหรอ อายุการใช้งาน แตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการขับขี่ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่ายางรถยนต์ของเราถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนได้แล้ว ลองสำรวจยางรถยนต์ของเราดูว่าสภาพยางตรงกับลักษณะเหล่านี้หรือไม่ ดอกยางสึกหรอ ดอกร่องยางตื้น ความลึกของร่องดอกยางคือ ค่าที่วัดได้จากจุดต่ำสุดของร่องดอกยางไปจนถึงผิวหน้ายาง โดยปกติยางรถยนต์ที่ผลิตในปัจจุบันจะมีตัวบอกสภาพดอกยาง(หรือเรียกอีกอย่างว่าสะพานยาง) มีลักษณะเป็นสันนูนคล้ายสะพานที่เชื่อมร่องดอกยางให้ติดกัน เมื่อดอกยางสึกหรอถึงระดับตัวบอกสภาพในร่องดอกยางแล้ว อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ หรืออีกวิธีหนึ่งในการสังเกตคือใช้ไม้ขีดไฟทิ่มลงไปในร่องยาง ถ้าเห็นหัวไม้ขีดหมายถึงดอกยางเหลือน้อยเกินไปที่จะใช้งานได้ต่อไป เพราะหากดอกยางตื้นจนเกินไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการรีดน้ำของดอกยาง รวมไปถึงการยึดเกาะถนนที่ลดลงไปตามความลึกของดอกยางที่สูยเสียไปจากการใช้งาน ควรตรวจเช็กตามระยะทางและสลับยาง ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการสึกหรอนอกจาการใช้งานแล้ว การเติมลมยางไม่เหมาะสม และการตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ปกติ ก็ส่งผลโดยตรงต่อหน้ายางด้วยเช่นกันโดยมีจุดสังเกตดังนี้ ขอบด้านนอกหรือขอบด้านในสึกมากกว่า – เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อ มุมบังคับเลี้ยว (มุม Toe) ไม่สมดุล หน้ายางด้านในหรือด้านนอกสึกมากกว่า – เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อแนวตั้ง (มุม Camber) ไม่ถูกต้อง ส่วนกลางของหน้ายางสึกหรอเป็นพิเศษ – เกิดได้จากแรงดันลมยางที่มากเกินไป ส่วนขอบของหน้ายางทั้งด้านในและด้านนอกสึกหรอเป็นพิเศษ – บริเวณขอบทั้งสองด้านสึกมากเป็นพิเศษ เกิดจากแรงดันลมยางน้อยเกินไป ข้อสังเกตระดับความลึกของดอกยางให้พิจารณาในการใช้งาน 6-8 มม. หรือมากกว่า 8 มม. นั้น เป็นความลึกของร่องยางที่เหมาะสม 4-5 มม. เป็นลักษณะที่ดอกยางหมดไปแล้วประมาณ 50% ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่แนะนำให้คอยหมั่นตรวจเช็ค 3 มม. เป็นความลึกของดอกยางที่สมควรเปลี่ยน และจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในการขับขี่บนถนนที่เปียก 1.6 มม. สภาพความลึกที่เหลือเพียงเท่านี้คือดอกยางหมดเกือบ 100% ไม่ควรใช้งานต่ออาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ผิวยางบวมบูด รอยนูนบนยางรถบ่งบอกถึงโครงสร้างภายในยางรถยนต์ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจเกิดจากการกระทบกับขอบถนน ตกหลุมบ่อหรือชนกับเกาะกลางถนนด้วยความเร็วสูงหรือขับผิดมุม ผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวทำให้โครงยางรับแรงกระแทกมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ลวดใยเหล็กเส้นฉีกขาด การบวมของยางส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณแก้มยาง แนะนำว่าควรเปลี่ยนยางทันทีเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดระเบิดได้หากขับขี่ต่อไปอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื้อยางแข็งมีรอยแตก หรือแตกลายงา อายุใช้งานสูงสุดของยางไม่ควรเกิน 4 – 5 ปี ดูอายุของยางรถยนต์สามารถดูได้ที่ตัวเลขสี่หลักที่ประทับบนแก้มยาง โดยเลขสองตัวแรกบ่งบอกสัปดาห์ที่ผลิต ขณะที่ตัวเลขสองตัวหลังบอกปีทีผลิต วิธีการตรวจเช็คโดยง่ายก็คือ ใช้เล็บมือลองจิกลงบนหน้ายาง ถ้าหากว่าจิกลงไปแล้ว ไม่ทิ้งรอยเล็บ แสดงว่าหน้ายางหมดอายุแล้ว หรือสังเกตอาการแตกลายงาของผิวยาง เมื่อหน้ายางหมดอายุ หน้ายางจะเริ่มแข็ง ประสิทธิภาพของยางจะขาดความนิ่มและความยืดหยุด เบรกเริ่มมีเสียงดัง และระยะเบรกไม่ดี ควรเปลี่ยนทันทีโดยไม่ต้องคำนึงถึงการสึกของดอกยางแต่อย่างใด ตำแหน่งรั่วของยาง เมื่อยางเกิดรั่ว หลายคนนิยมใช้วิธีปะยางแทนการเปลี่ยนยางทั้งเส้น แต่ควรตระหนักว่าการปะยางควรทำในบริเวณที่รอยรั่วมีขนาดไม่เกิน 1 ใน 4 นิ้วและเกิดขึ้นบริเวณหน้ายางเท่านั้น และหากเกิดการรั่วหรือฉีกขาดบริเวณแก้มยางควรเปลี่ยนยางเส้นนั้นแทนการใช้งานต่อที่อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งหากมีอาการเปล่านี้แล้ว ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ หลาย ๆ คนมีความสงสัยคือ ควรเปลี่ยนยางเฉพาะเส้นที่เสื่อมสภาพ หรือควรเปลี่ยนยางรถ 2 หรือทั้ง 4 เส้นในครั้งเดียว คำตอบคือ ควรเปลี่ยนพร้อมกันยกชุด เพราะการเปลี่ยนยางทีละเส้นจะทำให้คุณภาพยางไม่สมดุลส่งผลกระทบต่อการขับขี่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของยางเส้นอื่น ๆ ที่เหลือว่าเหมาะสมที่จะเปลี่ยนทั้งหมด หรือการพิจารณาของศูนย์บริการ พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล ใช้รถต้องระวัง! หากพบว่ายางรถยนต์เป็นแบบนี้ต้องเปลี่ยนด่วน มาดูกัน! ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่เมื่อไหร่ดี? ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่หลังยางรั่ว และปะยางรถ 10 สัญญาณชี้ที่คุณต้อง “เปลี่ยนยาง” ได้แล้ว! 5 สัญญาณเตือนถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ 5 สัญญาณเตือน ว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วหรือยัง? รู้ได้อย่างไร เมื่อไรต้องเปลี่ยนยาง?
- ดอกยางรถยนต์เลือกยังไง ? ให้เหมาะสมกับลักษณะการขับขี่ของเรา
และแล้ววันหยุดยาวแห่งการเดินทางมาถึงอีกครั้ง เป็นช่วงที่ต้องเดินทางต้องเดินทางขับขี่กันอย่างยาวนานและค่อนข้างไกล ก็เตรียมตรวจสภาพรถยนต์มาแล้วพร้อมออกเดินทาง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากแนะนำเพื่อปรับการขับขี่ให้เหมาะสมและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นคือเรื่องของยางรถยนต์นั่นเองค่ะ หลาย ๆ คนที่พึ่งขับรถยนต์ครั้งแรกหรือพึ่งออกรถยนต์คันแรกอาจจะรู้สึกว่ายางรถยนต์นั้นมีความหลากหลายมาก ๆ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างกันขนาดนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว นอกจากขนาดยางรถยนต์ การดูแลรักษายางรถยนต์ ดอกยางรถยนต์เองก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่ ให้ประสิทธิภาพของการเคลื่อนที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่และลักษณะของดอกยางรถยนต์ที่ใช้ ลองมาดูกันว่าลักษณะดอกยางแบบไหนเหมาะกับการขับขี่และปลอดภัยที่สุด ความแตกต่างของทิศทางดอกยาง ดอกยางทิศทางเดียว (Directional) ดอกยางจะมีลักษณะไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่แก้มยางจะมีสัญลักษณ์ลูกศรแสดงไว้ สำหรับแสดงทิศทางการหมุนเพื่อให้สามารถใส่ยางได้อย่างถูกต้อง ไม่สามารถใส่สลับซ้ายขวาของรถยนต์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ (หลายคนที่นิยมเก็บยางเก่าไว้เป็นยางอะไหล่ต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ด้วย) ดอกยางในลักษณะนี้จะมีจุดเด่นคือสามารถรีดน้ำได้ดีกว่าดอกยางแบบสองทิศทาง ดอกยาง 2 ทิศทาง (Non Directional) เป็นลักษณะของลายดอกยางที่จะสามารถสลับยางได้ในทุกตำแหน่งล้อของรถยนต์ โดยลักษณะดอกยางแบบนี้ทั้ง 2 ด้าน จะสวนทิศทางกัน เป็นยางที่เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปไม่เน้นความเร็วสูง วิธีการใส่ยาง แบบ “ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง”สามารถใส่ได้ทุกทิศทาง และเวลาสลับยางก็สามารถสลับได้ทุกตำแหน่ง มีคุณสมบัติในการรีดน้ำน้อยกว่า เหมาะกับการเดินทางที่ไม่ใช้ความเร็วสูง ขับขี่ในเมือง หากต้องเดินทางในพื้นที่ชื้นแฉะหรือฤดูฝนต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ดอกยางแบบสมมาตร (Symmetric) เป็นลักษณะของดอกยางที่มักพบเห็นในยางส่วนใหญ่ทั่วไป คือมีลักษณะดอกยางและร่องยางที่ต่อเนื่องทั่วพื้นที่หน้ายาง โดยหากแบ่งพื้นที่บนหน้ายางเป็นสองส่วนลวดลายในแต่ละส่วนจะเหมือนกันทุกประการ ดอกยางแบบไม่สมมาตร (Asymmetric) จะมีลายที่แตกต่างกันบนหน้ายาง ลายดอกยางทั้งสองฝั่งจะหนาไม่เท่ากัน ซึ่งลายดอกยางด้านในนั้นจะออกแบบมาเน้นการขับขี่ที่ความเร็วสูง ส่วนดอกยางด้านนอกนั้นเน้นการขับขี่ในการเข้าโค้ง ทางคดเคี้ยวมากๆที่ความเร็วสูง ลักษณะดอกยางที่ใช้งานทั่วไป ดอกยางละเอียด (Rib Pattern) ลักษณะของดอกยางประเภทนี้คือเป็นแนวยาวบนหน้ายางตามวงรอบของยาง ซึ่งจากลักษณะของดอกยางทำให้มีการสูญเสียหน้าสัมผัสจากร่องยางกับพื้นถนนไม่มาก รวมทั้งยังสามารถรีดน้ำได้รวดเร็ว และมีเสียงรบกวนน้อย เหมาะกับรถที่ขับบนทางเรียบ ดอกยางบั้ง (Lug Pattern) มีลักษณะบั้งเป็นแนวขวางบนหน้ายางหรือขวางเส้นรอบวงของยาง การที่ดอกยางถูกออกแบบในลักษณะนี้ก็เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการตะกุย เหมาะสำหรับการใช้งานในถนนที่ขรุขระ แต่ก็สามารถใช้งานบนถนนทั่วไปที่ความเร็วต่ำได้ นอกจากนี้ดอกยางแบบบั้งยังมักมีร่องยางที่ลึกเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นาน ดอกยางแบบผสม (Rib Lug Pattern) ดอกยางที่ผสานลักษณะของดอกยางแบบละเอียดและแบบบั้งไว้ด้วยกัน เพื่อให้มีจุดเด่นของดอกยางทั้งสองชนิด โดยทั่วไปแล้วดอกยางแบบผสม มักจะมีดอกยางแบบละเอียดอยู่บริเวณพื้นที่ตรงกลางของหน้ายาง โดยมีดอกยางแบบบั้งขนาบที่ขอบหน้ายางทั้ง สองด้าน ด้วยการผสานทั้งดอกยางแบบละเอียดและแบบบั้งไว้ด้วยกัน จึงทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานทั้งบนทางเรียบและทางขรุขระสลับกัน แต่ไม่ควรใช้ขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เป็นดินโคลน โดยเฉพาะในฤดูฝนหรือสภาวะอากาศที่มีฝนตกบ่อย เพราะดอกยางแบบนี้จะขาดคุณสมบัติในการสลัดดินออก ทำให้เสี่ยงต่อการลื่นไถลหรือติดหล่มโคลนง่าย ดอกยางบล็อค (Block Pattern) ดอกยางแบบบล็อกจะมีลักษณะของดอกยางเป็นก้อนหรือจุดซึ่งมีทั้งที่เป็นบล็อกเหลี่ยมหรือกลม ดอกยางในลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพในการตะกุยสูง จึงทำให้เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานแบบลุยหนักหรือใช้บนเส้นทางที่มีความโหดอย่างรถออฟโรด หากนำรถยนต์ที่มีดอกยางใหญ่นี้มาขับขี่บนถนนทางหลวงทั่วไป จะทำให้การยึดเกาะน้อย ทั้งยังสร้างเสียงดังรบกวนการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อวิ่งรถด้วยความเร็วสูง ลักษณะดอกยางที่ไม่แนะนำให้มาใช้งานปกติ ดอกยางเนื้ออ่อน (Soft Compound) ยางที่เรียกกันว่า กึ่งสลิค คือมีหน้าตาเหมือนกับยางรถยนต์ปกติ แต่มีความนุ่มของเนื้อยางหรือวัสดุที่ใช้มากกว่าธรรมดามีดอกยางลวดลายแปลก ๆ แต่ไม่ซับซ้อน อาทิ ลายหนอน ลายหัวธนู เป็นต้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเพิ่มมากขึ้น แต่ประสิทธิภาพในการรีดน้ำก็จะสู้ยางทั่วไปไม่ได้ อาจทำให้รถเสียหลักบนถนนเปียกได้ง่ายกว่าปกติ ไม่มีดอกยาง (Slick) เป็นยางที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้งานบนสนามแข่งโดยเฉพาะ ซึ่งยางประเภทนี้จะมีหน้ายางที่เรียบสนิท ไร้ร่องดอกยางสำหรับรีดน้ำ เพื่อให้หน้ายางสามารถสัมผัสกับพื้นสนามได้อย่างเต็มที่ ด้วยยางสลิคถูกออกแบบให้ปราศจากดอกยาง การนำมาใช้บนนถนนจึงถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากเจอฝนหรือแอ่งน้ำแค่เพียงนิดเดียว ก็จะทำให้รถเสียการยึดเกาะถนนจนเป็นอันตรายได้ พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่! อ้างอิงข้อมูล ใส่ยางอย่างไรให้ถูกต้อง ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เปลี่ยนยางใหม่…จะเลือกดอกยางรถยนต์อย่างไรดี ดอกยางรถยนต์ แบบไหนเหมาะสำหรับขับลุยฝนตก ลายดอกยางรถยนต์มีกี่แบบ มีลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร ดอกยางมีกี่แบบ อะไรบ้าง ยาง เลือกดอกยาง ตามสไตล์การขับรถ “ยาง Slick” คืออะไร? ทำไมจึงห้ามนำมาใช้บนถนนโดยเด็ดขาด ยาง SLICK คืออะไร ใช้งานอย่างไรกันแน่ มาหาคำตอบกัน
- ISUZU D-MAX Hi-Lander 4 ประตู ของ "อามีนา ซาลอน" ร้านเสริมสวยในอำเภอเล็ก ๆ ที่รายได้ไม่เล็ก
ร้านเสริมสวยสุดแซ่บ สวรรค์ของคนอยากจะสวย ครบจบในที่เดียว • ตัด สระ ไดร์ ดัด ยืด ทำหมดไม่สนหัวใคร • ทำสีผม เรื่องนี้เด่นสุด ๆ ของร้านนี้ • ต่อขนตาแบบช่างมืออาชีพ มีใบ Certificate รับรองความชำนาญ • ทาเล็บเจล-ต่อเล็บ ด้วยช่างมีประสบการณ์ • สปาเท้า • นวดหน้า-ขัดหน้า "อามีนา ซาลอน" ร้านเสริมสวย ที่ทำรายได้สูงสุด 1x,xxx บาท/วัน แม้จะอยู่ในอำเภอเล็ก ๆ แต่รายได้ไม่เล็กเลย พิกัด ตั้งอยู่ข้างวัดวังทองวราราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก สามารถเข้าไปดูผลงานเพิ่มเติมได้ที่เพจ ร้านทำผม อามีนา ซาลอน ลูกค้าใช้รถ Hi-lander 4 ประตู เกรด Z เน้นเอาไว้ใช้ขับเดินทางซึ่งเป็นเส้นทางเขา และพาครอบครัวไปเที่ยวในวันหยุด จ่ายจบวันรับรถไม่ถึง 40,000 บาท งวดผ่อนสบาย ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร: 099 490 5000 ไลน์ไอดี: @isuzuhat เว็บไซด์: www.isuzuhatgroup.com หรือ สามารถพิมพ์ @isuzuhat ค้นหาเราได้ทุกช่องทาง ISUZU HAT GROUP เราให้คุณมากกว่าคำว่าบริการ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินกำหนด พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่!
- ISUZU D-Max Hi-Lander 4 ประตู เกรด Z ของเจ้เรียน ร้านข้าวแกงจับเงิน"หลักหมื่น" ออกรถได้ ธรรมดาที่ไหน
ร้านอาหารขวัญใจชาวบ้าน จ.อุตรดิตถ์ "เจ้เรียน ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวราดแกง ข้าวขาหมู อาหารตามสั่ง" ร้านเปิดมา 8-9 ปี ร้านเก่าแก่เลย ร้านจะอยู่ติดถนนริมทาง ถนนอุตรดิตถ์ เวลาเปิด 06.00 น. - 15.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) ราคาข้าวราดแกง 1 อย่าง 30 บาท / 2 อย่าง 35 บาท / ใส่ถุง 25 บาท อาหารตามสั่ง ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ราคาเริ่มต้น 40 บาท เมนูที่มัดใจลูกค้า คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือร้อน ๆ น้ำซุปหอม ๆ ลูกค้าเลือกออกรถรุ่น Hi-Lander 4 Drs. 1.9 Ddi เกรด Z เลือกออกรถกับอีซูซุเพราะอยากออกให้ลูกชาย และชอบในตัวรถ ใช้เงินวันออกรถเพียง 96,000 บาท ผ่อน 1x,xxx บาท/84 เดือน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร : 099 490 5000 ไลน์ไอดี : @isuzuhat หรือ สามารถพิมพ์ @isuzuhat ค้นหาเราได้ทุกช่องทาง ISUZU HAT GROUP เราให้คุณมากกว่าคำว่าบริการ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินกำหนด พบกับข่าวสารล่าสุดทาง LINE! มาเช็คข่าวสารและโปรโมชันดีๆ ใน LINE กัน เพิ่มบัญชีทางการเป็นเพื่อน คลิกที่นี่!